คำถามที่พบบ่อยและอื่น ๆ

รับความช่วยเหลือเกี่ยวกับบัญชีของคุณหรือหาคำตอบเกี่ยวกับตลาดหรือผลิตภัณฑ์ที่สนใจ

ทุกหัวข้อ

การยืนยัน KYC

ฉันจะต้องทำ KYC ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่จะทำการเทรดใช่หรือไม่?
ทำไมฉันต้องทำ KYC?
ฉันต้องให้ข้อมูลใดบ้างสำหรับ KYC?
มีการจำกัดระยะเวลาในการทำ KYC หรือไม่?
Ownership of Method of Payment (MOP) คืออะไร และเพราะเหตุใดเราถึงต้องการสิ่งนี้?
ฉันต้องใช้เอกสารชนิดใดเพื่อทำ MOP ให้สมบูรณ์?
การยืนยันบัญชีของฉันใช้เวลานานเท่าใด?
ฉันควรทำอย่างไรถ้าหากฉันได้รับข้อความที่แสดงถึงความผิดพลาดในขณะที่กำลังอัปโหลดเอกสาร?
ฉันควรทำอย่างไรถ้าหากเอกสารของฉันไม่ได้รับการอนุมัติ?
อะไรคือเหตุผลของการปฏิเสธเอกสาร KYC ที่พบบ่อยที่สุด?
ฉันสามารถอัปเดทข้อมูลส่วนบุคคลของฉันได้หรือไม่?
มันจะเกิดปัญหาหรือไม่ถ้าหากเอกสารของฉันไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษ?
ฉันสามารถเปิดบัญชีองค์กรได้หรือไม่? ถ้าหากว่าทำได้ ฉันจะต้องยืนยันบัญชีนี้อย่างไร?

ฉันจะต้องทำ KYC ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่จะทำการเทรดใช่หรือไม่?

คุณสามารถฝากเงินและเทรดได้สูงสุดตามลิมิตโดยไม่ต้องทำ KYC เมื่อคุณเทรดถึงลิมิตแล้ว คุณจะไม่สามารถโอนเงินไปยังบัญชีเทรดของคุณ และ/หรือ eWallet(s) จนกว่าคุณได้ทำ KYC เสร็จสมบูรณ์

นี่คือลิมิตการฝากเงินสูงสุดตามแต่ละพื้นที่:

ญี่ปุ่น: สูงสุด 5,000 USD
ทั่วไป: สูงสุด 2,000 USD

สำหรับบางพื้นที่คุณจะต้องทำ KYC ให้สมบูรณ์ก่อนที่คุณจะฝากเงินไปยังบัญชีของคุณ หลังจากที่บริษัทอนุมัติเอกสาร KYC ที่คุณส่งใน Client Portal แล้ว คุณจะสามารถนำเงินเข้าบัญชีและเริ่มเทรดได้ทันที

ทำไมฉันต้องทำ KYC?

บริษัทของเราได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Financial Sector Conduct Authority (FSCA) ในแอฟริกาใต้ และ Financial Services Authority (FSA) ในเซเชลส์

ด้วยการที่เป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแล เราจะต้องปฏิบัติตามและมีการดำเนินงานภายใต้ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงการจัดเก็บเอกสารตามที่กำหนดจากลูกค้าของเราเกี่ยวกับ KYC (Know Your Client)

สิ่งสำคัญอันดับแรกของเราคือความปลอดภัยของบัญชีและเงินทุนของลูกค้าของเรา ระเบียบต่าง ๆ ช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทของเราได้มีขั้นตอนต่าง ๆ ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของบริษัท

ฉันต้องให้ข้อมูลใดบ้างสำหรับ KYC?

ขั้นตอนที่ 1 - ข้อมูลส่วนบุคคล
คุณจะถูกขอให้กรอกแบบฟอร์มที่มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ตามที่ปรากฏอยู่ในเอกสารของคุณ:
เพศ, วันเกิด, สัญชาติ, หมายเลขโทรศัพท์, หนังสือเดินทางหรือหมายเลขบัตรประจำตัว, หมายเลขผู้เสียภาษี (หากเกี่ยวข้อง), ที่อยู่ และข้อมูลนักลงทุน

ขั้นตอนที่สอง 2 - เอกสาร
คุณจะถูกขอให้ส่งเอกสาร 2 ชนิด:
เอกสารยืนยันตัวบุคคล (POI) และเอกสารยืนยันที่อยู่ (POA)
ข้อมูลของเอกสารจะต้องตรงกับข้อมูลส่วนบุคคล

เลือกเอกสารยืนยันตัวตนดังต่อไปนี้ (เลือกหนึ่งอย่าง):

  • หนังสือเดินทาง
  • บัตรประจำตัว (ทั้งสองด้าน)
  • ใบขับขี่ (ทั้งสองด้าน)
    หมายเหตุ: เอกสารจะต้องใช้การได้และไม่หมดอายุ

โปรดอัปโหลดภาพสีของเอกสารทั้ง 2 ด้าน

เมื่อคุณอัปโหลดเอกสารไปยัง Client Portal โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปภาพนั้นชัดเจน (รูปภาพที่เบลอจะไม่สามารถใช้ได้) และจะต้องไม่มีมุมที่ถูกตัด
รูปแบบไฟล์และขนาด: 10 MB - jpeg, jpg, tiff,jfif, png, doc, docx และ pdf

เอกสารที่ใช้เป็นเอกสารยืนยันที่อยู่ (เลือกหนึ่งอย่าง)

i. บิลค่าสาธารณูปโภค เช่น บิลค่าไฟฟ้า, บิลค่าน้ำประปา, บิลค่าแก๊ส, บิลค่าโทรศัพท์บ้าน, บิลค่าทีวี/โทรศัพท์, บิลภาษีท้องถิ่น, ภาษีอสังหาริมทรัพย์, ภาษีเทศบาล และเอกสารประกันเกี่ยวกับบ้านซึ่งจะต้องมีชื่อเต็มของคุณ, ที่อยู่แบบเต็ม, ชื่อเต็มของหน่วยงาน/ผู้มีอำนาจที่ออกเอกสาร และจะต้องมีวันที่ออกเอกสารไม่เกิน 6 เดือน;

ii. รายการเดินบัญชีธนาคาร/หนังสือยืนยันจากธนาคารที่ระบุชื่อเต็มของคุณ, ที่อยู่แบบเต็ม, โลโก้หรือตราประทับของธนาคาร และวันที่ออกเอกสารไม่เกิน 6 เดือน;

iii. หนังสือรับรองที่อยู่ที่ออกโดยเทศบาลท้องถิ่น สถานีตำรวจ ฯลฯ ที่ระบุชื่อเต็มของคุณ, ที่อยู่แบบเต็ม, ชื่อเต็มของหน่วยงานที่ออกเอกสาร และตราประทับของผู้ออกเอกสาร และวันที่ออกเอกสารซึ่งจะต้องไม่เกิน 6 เดือน

iv. หนังสือรับรองที่ระบุชื่อเต็มของคุณ, ที่อยู่แบบเต็ม, ลายเซ็นและตราประทับของผู้ที่มีอำนาจรับรองเอกสารหรือหน่วยงานรัฐ และ/หรือเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่มีข้อมูลตามที่ได้กล่าวไว้ และวันที่ออกเอกสารซึ่งจะต้องไม่เกิน 6 เดือน

มีการจำกัดระยะเวลาในการทำ KYC หรือไม่?

ใช่ เมื่อคุณลงทะเบียน ยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงและนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงทำการฝากเงินครั้งแรกแล้ว คุณจะมีเวลา 30 วันในการยืนยัน KYC ให้สมบูรณ์และเริ่มเทรดบนบัญชีของคุณ 

หากคุณไม่ทำ KYC ให้สมบูรณ์ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่คุณฝากเงินเข้าครั้งแรก บัญชีของคุณจะถูกยุติโดยอัตโนมัติและเงินของคุณจะถูกส่งกลับไปยังแหล่งที่มา 

Ownership of Method of Payment (MOP) คืออะไร และเพราะเหตุใดเราถึงต้องการสิ่งนี้?

MOP เป็นเอกสารที่ยืนยันว่าบุคคลผู้ที่ลงทะเบียนและต้องการใช้แพลตฟอร์มของเราในการเทรดเป็นเจ้าของวิธีการจ่ายเงินบางอย่างที่ใช้สำหรับการฝากเงินเข้าไปยังบัญชี

เอกสารนี้เป็นสิ่งที่กำหนดขึ้นโดยผู้กำกับดูแลเกี่ยวกับเรื่องนโยบาย AML (การป้องกันการฟอกเงิน)

ขอบเขตของ MOP คือความปลอดภัยของเงินทุน

ฉันต้องใช้เอกสารชนิดใดเพื่อทำ MOP ให้สมบูรณ์?

ฝากเงินผ่านทางบัตรเดบิต/เครดิต:

  • ด้านหน้าบัตรของคุณแสดงชื่อเต็ม (จะต้องตรงกับชื่อบัญชีลูกค้า)
  • ชื่อของธนาคารผู้ออกบัตร
  • จะต้องแสดงหมายเลขบัตรเฉพาะสี่ (4) ตัวท้ายเท่านั้น (ส่วนที่เหลือจะต้องถูกซ่อน)
  • ด้านหลังของบัตรแสดงลายเซ็น

ฝากเงินผ่านทาง Crypto Wallets:

ไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมใดๆ

ฝากเงินผ่านทาง Wallets:

กระเป๋าเงินส่วนใหญ่มีกระบวนการ KYC ของตัวเอง ดังนั้นตราบใดที่อีเมลที่คุณใช้สำหรับการลงทะเบียนตรงกับอีเมลที่คุณใช้ในการเปิดบัญชีกระเป๋าเงิน เราไม่ต้องการเอกสารเพิ่มเติมใด ๆ จากคุณ

ในกรณีที่อีเมลไม่ตรงกับที่ได้ระบุไว้ข้างต้น คุณจะต้องอัปโหลดเอกสารยืนยันความเป็นเจ้าของบัญชี, ภาพหน้าจอกระเป๋าเงินของคุณที่แสดงชื่อเต็มและที่อยู่อีเมลผ่านทาง client portal

เมื่อจำนวนเงินฝากรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นไปถึงจำนวนเงินระดับหนึ่ง คุณอาจถูกขอให้ต้องแสดงแหล่งที่มาของเงิน เช่น รายการเดินบัญชีธนาคาร หรือสลิปเงินเดือนที่แสดงระดับรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มเงินไปยังบัญชีของคุณ

การฝากเงินผ่านการโอนเงินทางธนาคาร:

รายการเดินบัญชีปัจจุบันที่ออกในนามของคุณและแสดงรายการในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

การยืนยันบัญชีของฉันใช้เวลานานเท่าใด?

หลังจากทำการอัปโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว โปรไฟล์ของคุณและเอกสารต่าง ๆ จะถูกตรวจสอบความถูกต้อง การตรวจสอบนี้อาจใช้เวลาสูงสุด 24 ชั่วโมง โปรดทราบว่าถ้าหากข้อมูลที่คุณส่งไม่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด คุณจะได้รับแจ้งผ่านพอร์ทัลสำหรับลูกค้าของคุณ และระยะเวลาดำเนินการอาจนานยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ฉันควรทำอย่างไรถ้าหากฉันได้รับข้อความที่แสดงถึงความผิดพลาดในขณะที่กำลังอัปโหลดเอกสาร?

โปรดตรวจสอบขนาดและ/หรือรูปแบบไฟล์ตามที่กำหนด
ขนาดและรูปแบบไฟล์ที่รับได้: 10 MB - jpeg, jpg, tiff, jfif, png, doc, docx และ pdf

ถ้าหากปัญหายังคงมีอยู่ โปดเปิดใบงานจาก Client Portal

ถ้าหากสถานะ KYC ไม่มีการเปลี่ยนแปลงภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากส่งเอกสารของคุณ กรุณาติดต่อทีมงานช่วยเหลือผ่านทางแชทหรือสร้างใบงานขอความช่วยเหลือผ่านศูนย์ช่วยเหลือบน Client Portal

ฉันควรทำอย่างไรถ้าหากเอกสารของฉันไม่ได้รับการอนุมัติ?

ถ้าหากเอกสารของคุณไม่ได้รับการอนุมัติ คุณจะได้รับการแจ้งผ่านระบบใบงานภายในของเราพร้อมกับเหตุผลของการปฏิเสธรวมไปถึงคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปสำหรับการยืนยันบัญชีของคุณ นอกจากนี้คุณจะได้รับสิ่งนี้ผ่านทางอีเมลเช่นกัน

อะไรคือเหตุผลของการปฏิเสธเอกสาร KYC ที่พบบ่อยที่สุด?

เหตุผลของการปฏิเสธเอกสาร KYC ที่พบบ่อยที่สุดคือ:

  • ข้อมูลไม่ตรง ข้อมูลที่ลูกค้าให้ในส่วนของ ‘ข้อมูลส่วนบุคคล’ ไม่ตรงกับข้อมูลบนเอกสาร
  • เอกสารไม่สามารถใช้การได้ เอกสารมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่กำหนด เช่น เอกสารของบุคคลที่ 3, POA ไม่มีที่อยู่, เอกสารมีอายุเกินที่กำหนด ฯลฯ
  • เอกสารปลอม เราห้ามไม่ให้มีการใช้ซอฟต์แวร์แก้ไขรูปภาพเพื่อปรับเปลี่ยนสิ่งใด ๆ บนเอกสาร

ฉันสามารถอัปเดทข้อมูลส่วนบุคคลของฉันได้หรือไม่?

คุณสามารถอัปเดตรายการดังต่อไปนี้หลังจากการยืนยันบัญชีได้

  • ชื่อเรียก
  • อีเมล 2
  • การเลือกภาษา
  • โซนเวลา
  • รหัสผ่าน

คุณสามารถปรับข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ (เช่น ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, ข้อมูลนักลงทุน ฯลฯ) เพียงแค่สร้างใบงานผ่านศูนย์ช่วยเหลือบน Client Portal

คุณสามารถเพิ่มอีเมลสำรองเพิ่มจากอีเมลหลักได้ ถ้าหากคุณต้องการเปลี่ยนอีเมลสำรองเป็นอีเมลหลัก โปรดสร้างใบงานและติดต่อเราผ่านศูนย์ช่วยเหลือบน Client Portal

สำหรับในกรณีการอัปเดตที่อยู่ของคุณ การเปลี่ยนแปลงที่คุณสามารถทำได้จะขึ้นอยู่กับสถานะการยืนยัน KYC ของคุณ เราสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้ถ้าหากสถานะ KYC ขึ้นเป็น 'ต้องการข้อมูล' หรือ 'ยังไม่ได้เริ่ม' สำหรับการยืนยันการเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องส่งเอกสารยืนยันที่อยู่ใหม่ (POA) มาให้เรา

มันจะเกิดปัญหาหรือไม่ถ้าหากเอกสารของฉันไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษ?

เราสามารถช่วยเหลือคุณเกี่ยวกับเอกสารได้ถ้าหากเอกสารไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษตราบใดที่เอกสารสามารถใช้การได้และตรงตามเกณฑ์ KYC ของเรา

ฉันสามารถเปิดบัญชีองค์กรได้หรือไม่? ถ้าหากว่าทำได้ ฉันจะต้องยืนยันบัญชีนี้อย่างไร?

คุณสามารถเปิดบัญชีองค์กรได้หนึ่งบัญชีต่อหนึ่งนิติบุคคล การลงทะเบียนบัญชีแต่ละครั้งจะต้องมีรายละเอียดล็อกอิน (ที่อยู่อีเมล) ที่แตกต่างกัน
คุณจะต้องส่งเอกสารเหล่านี้มาให้เรา:

  1. หนังสือรับรองยอดเงินคงเหลือในธนาคาร (ไม่เกิน 3 เดือน) หรือรายการเดินบัญชีธนาคารล่าสุด (ไม่เกิน 3 เดือน) ที่เป็นชื่อนิติบุคคล
  2. เอกสารของนิติบุคคล (ไม่เกิน 6 เดือน) ทั้งหมดดังต่อไปนี้:
    a. หนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัท
    b. ใบรับรองการเป็นกรรมการ
    c. หนังสือรับรองผู้ถือหุ้น
    d. หนังสือรับรองที่อยู่ที่ใช้จดทะเบียน
  3. หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท
  4. มติที่ประชุมของบอร์ดผู้บริหารของนิติบุคคลเกี่ยวกับการเปิดบัญชีและการมอบอำนาจให้ผู้ดำเนินการ
  5. คำประกาศของผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง
  6. เอกสารแสดงตัวบุคคลของผู้บริหาร, ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (ผู้ถือหุ้นมากกว่า 10%) และผู้จัดการบัญชี
  7. เอกสารยืนยันที่อยู่ของผู้บริหาร, ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (ผู้ถือหุ้นมากกว่า 10%) และผู้จัดการบัญชี
ทุกหัวข้อ

การยืนยัน KYC

ฉันจะต้องทำ KYC ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่จะทำการเทรดใช่หรือไม่?

คุณสามารถฝากเงินและเทรดได้สูงสุดตามลิมิตโดยไม่ต้องทำ KYC เมื่อคุณเทรดถึงลิมิตแล้ว คุณจะไม่สามารถโอนเงินไปยังบัญชีเทรดของคุณ และ/หรือ eWallet(s) จนกว่าคุณได้ทำ KYC เสร็จสมบูรณ์

นี่คือลิมิตการฝากเงินสูงสุดตามแต่ละพื้นที่:

ญี่ปุ่น: สูงสุด 5,000 USD
ทั่วไป: สูงสุด 2,000 USD

สำหรับบางพื้นที่คุณจะต้องทำ KYC ให้สมบูรณ์ก่อนที่คุณจะฝากเงินไปยังบัญชีของคุณ หลังจากที่บริษัทอนุมัติเอกสาร KYC ที่คุณส่งใน Client Portal แล้ว คุณจะสามารถนำเงินเข้าบัญชีและเริ่มเทรดได้ทันที

ทำไมฉันต้องทำ KYC?

บริษัทของเราได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Financial Sector Conduct Authority (FSCA) ในแอฟริกาใต้ และ Financial Services Authority (FSA) ในเซเชลส์

ด้วยการที่เป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแล เราจะต้องปฏิบัติตามและมีการดำเนินงานภายใต้ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงการจัดเก็บเอกสารตามที่กำหนดจากลูกค้าของเราเกี่ยวกับ KYC (Know Your Client)

สิ่งสำคัญอันดับแรกของเราคือความปลอดภัยของบัญชีและเงินทุนของลูกค้าของเรา ระเบียบต่าง ๆ ช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทของเราได้มีขั้นตอนต่าง ๆ ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของบริษัท

ฉันต้องให้ข้อมูลใดบ้างสำหรับ KYC?

ขั้นตอนที่ 1 - ข้อมูลส่วนบุคคล
คุณจะถูกขอให้กรอกแบบฟอร์มที่มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ตามที่ปรากฏอยู่ในเอกสารของคุณ:
เพศ, วันเกิด, สัญชาติ, หมายเลขโทรศัพท์, หนังสือเดินทางหรือหมายเลขบัตรประจำตัว, หมายเลขผู้เสียภาษี (หากเกี่ยวข้อง), ที่อยู่ และข้อมูลนักลงทุน

ขั้นตอนที่สอง 2 - เอกสาร
คุณจะถูกขอให้ส่งเอกสาร 2 ชนิด:
เอกสารยืนยันตัวบุคคล (POI) และเอกสารยืนยันที่อยู่ (POA)
ข้อมูลของเอกสารจะต้องตรงกับข้อมูลส่วนบุคคล

เลือกเอกสารยืนยันตัวตนดังต่อไปนี้ (เลือกหนึ่งอย่าง):

  • หนังสือเดินทาง
  • บัตรประจำตัว (ทั้งสองด้าน)
  • ใบขับขี่ (ทั้งสองด้าน)
    หมายเหตุ: เอกสารจะต้องใช้การได้และไม่หมดอายุ

โปรดอัปโหลดภาพสีของเอกสารทั้ง 2 ด้าน

เมื่อคุณอัปโหลดเอกสารไปยัง Client Portal โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปภาพนั้นชัดเจน (รูปภาพที่เบลอจะไม่สามารถใช้ได้) และจะต้องไม่มีมุมที่ถูกตัด
รูปแบบไฟล์และขนาด: 10 MB - jpeg, jpg, tiff,jfif, png, doc, docx และ pdf

เอกสารที่ใช้เป็นเอกสารยืนยันที่อยู่ (เลือกหนึ่งอย่าง)

i. บิลค่าสาธารณูปโภค เช่น บิลค่าไฟฟ้า, บิลค่าน้ำประปา, บิลค่าแก๊ส, บิลค่าโทรศัพท์บ้าน, บิลค่าทีวี/โทรศัพท์, บิลภาษีท้องถิ่น, ภาษีอสังหาริมทรัพย์, ภาษีเทศบาล และเอกสารประกันเกี่ยวกับบ้านซึ่งจะต้องมีชื่อเต็มของคุณ, ที่อยู่แบบเต็ม, ชื่อเต็มของหน่วยงาน/ผู้มีอำนาจที่ออกเอกสาร และจะต้องมีวันที่ออกเอกสารไม่เกิน 6 เดือน;

ii. รายการเดินบัญชีธนาคาร/หนังสือยืนยันจากธนาคารที่ระบุชื่อเต็มของคุณ, ที่อยู่แบบเต็ม, โลโก้หรือตราประทับของธนาคาร และวันที่ออกเอกสารไม่เกิน 6 เดือน;

iii. หนังสือรับรองที่อยู่ที่ออกโดยเทศบาลท้องถิ่น สถานีตำรวจ ฯลฯ ที่ระบุชื่อเต็มของคุณ, ที่อยู่แบบเต็ม, ชื่อเต็มของหน่วยงานที่ออกเอกสาร และตราประทับของผู้ออกเอกสาร และวันที่ออกเอกสารซึ่งจะต้องไม่เกิน 6 เดือน

iv. หนังสือรับรองที่ระบุชื่อเต็มของคุณ, ที่อยู่แบบเต็ม, ลายเซ็นและตราประทับของผู้ที่มีอำนาจรับรองเอกสารหรือหน่วยงานรัฐ และ/หรือเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่มีข้อมูลตามที่ได้กล่าวไว้ และวันที่ออกเอกสารซึ่งจะต้องไม่เกิน 6 เดือน

มีการจำกัดระยะเวลาในการทำ KYC หรือไม่?

ใช่ เมื่อคุณลงทะเบียน ยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงและนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงทำการฝากเงินครั้งแรกแล้ว คุณจะมีเวลา 30 วันในการยืนยัน KYC ให้สมบูรณ์และเริ่มเทรดบนบัญชีของคุณ 

หากคุณไม่ทำ KYC ให้สมบูรณ์ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่คุณฝากเงินเข้าครั้งแรก บัญชีของคุณจะถูกยุติโดยอัตโนมัติและเงินของคุณจะถูกส่งกลับไปยังแหล่งที่มา 

Ownership of Method of Payment (MOP) คืออะไร และเพราะเหตุใดเราถึงต้องการสิ่งนี้?

MOP เป็นเอกสารที่ยืนยันว่าบุคคลผู้ที่ลงทะเบียนและต้องการใช้แพลตฟอร์มของเราในการเทรดเป็นเจ้าของวิธีการจ่ายเงินบางอย่างที่ใช้สำหรับการฝากเงินเข้าไปยังบัญชี

เอกสารนี้เป็นสิ่งที่กำหนดขึ้นโดยผู้กำกับดูแลเกี่ยวกับเรื่องนโยบาย AML (การป้องกันการฟอกเงิน)

ขอบเขตของ MOP คือความปลอดภัยของเงินทุน

ฉันต้องใช้เอกสารชนิดใดเพื่อทำ MOP ให้สมบูรณ์?

ฝากเงินผ่านทางบัตรเดบิต/เครดิต:

  • ด้านหน้าบัตรของคุณแสดงชื่อเต็ม (จะต้องตรงกับชื่อบัญชีลูกค้า)
  • ชื่อของธนาคารผู้ออกบัตร
  • จะต้องแสดงหมายเลขบัตรเฉพาะสี่ (4) ตัวท้ายเท่านั้น (ส่วนที่เหลือจะต้องถูกซ่อน)
  • ด้านหลังของบัตรแสดงลายเซ็น

ฝากเงินผ่านทาง Crypto Wallets:

ไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมใดๆ

ฝากเงินผ่านทาง Wallets:

กระเป๋าเงินส่วนใหญ่มีกระบวนการ KYC ของตัวเอง ดังนั้นตราบใดที่อีเมลที่คุณใช้สำหรับการลงทะเบียนตรงกับอีเมลที่คุณใช้ในการเปิดบัญชีกระเป๋าเงิน เราไม่ต้องการเอกสารเพิ่มเติมใด ๆ จากคุณ

ในกรณีที่อีเมลไม่ตรงกับที่ได้ระบุไว้ข้างต้น คุณจะต้องอัปโหลดเอกสารยืนยันความเป็นเจ้าของบัญชี, ภาพหน้าจอกระเป๋าเงินของคุณที่แสดงชื่อเต็มและที่อยู่อีเมลผ่านทาง client portal

เมื่อจำนวนเงินฝากรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นไปถึงจำนวนเงินระดับหนึ่ง คุณอาจถูกขอให้ต้องแสดงแหล่งที่มาของเงิน เช่น รายการเดินบัญชีธนาคาร หรือสลิปเงินเดือนที่แสดงระดับรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มเงินไปยังบัญชีของคุณ

การฝากเงินผ่านการโอนเงินทางธนาคาร:

รายการเดินบัญชีปัจจุบันที่ออกในนามของคุณและแสดงรายการในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

การยืนยันบัญชีของฉันใช้เวลานานเท่าใด?

หลังจากทำการอัปโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว โปรไฟล์ของคุณและเอกสารต่าง ๆ จะถูกตรวจสอบความถูกต้อง การตรวจสอบนี้อาจใช้เวลาสูงสุด 24 ชั่วโมง โปรดทราบว่าถ้าหากข้อมูลที่คุณส่งไม่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด คุณจะได้รับแจ้งผ่านพอร์ทัลสำหรับลูกค้าของคุณ และระยะเวลาดำเนินการอาจนานยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ฉันควรทำอย่างไรถ้าหากฉันได้รับข้อความที่แสดงถึงความผิดพลาดในขณะที่กำลังอัปโหลดเอกสาร?

โปรดตรวจสอบขนาดและ/หรือรูปแบบไฟล์ตามที่กำหนด
ขนาดและรูปแบบไฟล์ที่รับได้: 10 MB - jpeg, jpg, tiff, jfif, png, doc, docx และ pdf

ถ้าหากปัญหายังคงมีอยู่ โปดเปิดใบงานจาก Client Portal

ถ้าหากสถานะ KYC ไม่มีการเปลี่ยนแปลงภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากส่งเอกสารของคุณ กรุณาติดต่อทีมงานช่วยเหลือผ่านทางแชทหรือสร้างใบงานขอความช่วยเหลือผ่านศูนย์ช่วยเหลือบน Client Portal

ฉันควรทำอย่างไรถ้าหากเอกสารของฉันไม่ได้รับการอนุมัติ?

ถ้าหากเอกสารของคุณไม่ได้รับการอนุมัติ คุณจะได้รับการแจ้งผ่านระบบใบงานภายในของเราพร้อมกับเหตุผลของการปฏิเสธรวมไปถึงคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปสำหรับการยืนยันบัญชีของคุณ นอกจากนี้คุณจะได้รับสิ่งนี้ผ่านทางอีเมลเช่นกัน

อะไรคือเหตุผลของการปฏิเสธเอกสาร KYC ที่พบบ่อยที่สุด?

เหตุผลของการปฏิเสธเอกสาร KYC ที่พบบ่อยที่สุดคือ:

  • ข้อมูลไม่ตรง ข้อมูลที่ลูกค้าให้ในส่วนของ ‘ข้อมูลส่วนบุคคล’ ไม่ตรงกับข้อมูลบนเอกสาร
  • เอกสารไม่สามารถใช้การได้ เอกสารมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่กำหนด เช่น เอกสารของบุคคลที่ 3, POA ไม่มีที่อยู่, เอกสารมีอายุเกินที่กำหนด ฯลฯ
  • เอกสารปลอม เราห้ามไม่ให้มีการใช้ซอฟต์แวร์แก้ไขรูปภาพเพื่อปรับเปลี่ยนสิ่งใด ๆ บนเอกสาร

ฉันสามารถอัปเดทข้อมูลส่วนบุคคลของฉันได้หรือไม่?

คุณสามารถอัปเดตรายการดังต่อไปนี้หลังจากการยืนยันบัญชีได้

  • ชื่อเรียก
  • อีเมล 2
  • การเลือกภาษา
  • โซนเวลา
  • รหัสผ่าน

คุณสามารถปรับข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ (เช่น ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, ข้อมูลนักลงทุน ฯลฯ) เพียงแค่สร้างใบงานผ่านศูนย์ช่วยเหลือบน Client Portal

คุณสามารถเพิ่มอีเมลสำรองเพิ่มจากอีเมลหลักได้ ถ้าหากคุณต้องการเปลี่ยนอีเมลสำรองเป็นอีเมลหลัก โปรดสร้างใบงานและติดต่อเราผ่านศูนย์ช่วยเหลือบน Client Portal

สำหรับในกรณีการอัปเดตที่อยู่ของคุณ การเปลี่ยนแปลงที่คุณสามารถทำได้จะขึ้นอยู่กับสถานะการยืนยัน KYC ของคุณ เราสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้ถ้าหากสถานะ KYC ขึ้นเป็น 'ต้องการข้อมูล' หรือ 'ยังไม่ได้เริ่ม' สำหรับการยืนยันการเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องส่งเอกสารยืนยันที่อยู่ใหม่ (POA) มาให้เรา

มันจะเกิดปัญหาหรือไม่ถ้าหากเอกสารของฉันไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษ?

เราสามารถช่วยเหลือคุณเกี่ยวกับเอกสารได้ถ้าหากเอกสารไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษตราบใดที่เอกสารสามารถใช้การได้และตรงตามเกณฑ์ KYC ของเรา

ฉันสามารถเปิดบัญชีองค์กรได้หรือไม่? ถ้าหากว่าทำได้ ฉันจะต้องยืนยันบัญชีนี้อย่างไร?

คุณสามารถเปิดบัญชีองค์กรได้หนึ่งบัญชีต่อหนึ่งนิติบุคคล การลงทะเบียนบัญชีแต่ละครั้งจะต้องมีรายละเอียดล็อกอิน (ที่อยู่อีเมล) ที่แตกต่างกัน
คุณจะต้องส่งเอกสารเหล่านี้มาให้เรา:

  1. หนังสือรับรองยอดเงินคงเหลือในธนาคาร (ไม่เกิน 3 เดือน) หรือรายการเดินบัญชีธนาคารล่าสุด (ไม่เกิน 3 เดือน) ที่เป็นชื่อนิติบุคคล
  2. เอกสารของนิติบุคคล (ไม่เกิน 6 เดือน) ทั้งหมดดังต่อไปนี้:
    a. หนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัท
    b. ใบรับรองการเป็นกรรมการ
    c. หนังสือรับรองผู้ถือหุ้น
    d. หนังสือรับรองที่อยู่ที่ใช้จดทะเบียน
  3. หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท
  4. มติที่ประชุมของบอร์ดผู้บริหารของนิติบุคคลเกี่ยวกับการเปิดบัญชีและการมอบอำนาจให้ผู้ดำเนินการ
  5. คำประกาศของผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง
  6. เอกสารแสดงตัวบุคคลของผู้บริหาร, ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (ผู้ถือหุ้นมากกว่า 10%) และผู้จัดการบัญชี
  7. เอกสารยืนยันที่อยู่ของผู้บริหาร, ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (ผู้ถือหุ้นมากกว่า 10%) และผู้จัดการบัญชี